วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทับทิม ผลไม้แสนอร่อยแห่งสรวงสวรรค์ที่เจ้าแม่กวนอิมประทาน



ทับทิมหรือภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าpomegrenateนั้น มีสารสำคัญหลักๆคือกลุ่ม punicalagin
และellagitannins ซึ่งมีประโยชน์ต่างๆดังนี้คือ
จากการศึกษาเพื่อรับประทานทับทิมหรือสารสกัดจากน้ำทับทิบเข้าไปแล้ว ร่างกายจะมีความสามารถในการ
ต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึง32% ซึ่งสารสกัดยังฤทธิ์คล้ายยาปฏิชีวีนะอย่างที่จัดการกับเชื้อแบคทีเรียพวก
clostidiumและกลุ่มstaph aureusที่ดื้อยาปฎิชีวนะทั่วไปได้อีก(ดีกว่ายาบางตัว) แต่ไม่ทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรเป็น
โยชน์ต่อร่างกายอย่างพวกlactobacilliและbifidobacteriaเป็นยอดยาจริงๆ
     จากการศึกษาโดยป้อนผลทับทิมให้หนูกินอร่อยเป็นเวลานาถึงเดือนกว่าเพื่อศึกษาว่ามีพิษภัยอะไรต่อ
หนูทดลองหรือไม่ ปรากฏว่าหนูทดลองอยู่สุขสบายดีไม่มีปัญหาเรื่องพิษจากผลทับทิมแสนอร่อย
     นอกจากนี้ยังพบว่าทับทิมยังมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อมาเลเรียได้อีกด้วย
     จากวารสารทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นทางการน่าเชือถือพบว่าสารสำคัญในผลทับทิมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งชนิดต่างๆเช่น มะเร็งผิวหนัง ปอด ลำไส้ใหญ่
และต่อมลูกหมาก จากการศึกษาอย่างเป็นระเบียบวิธีที่แน่นอนพบว่าคนไข้มะเร็งต่อมลูกหมากได้รับผลดีจากการรับประทาน
ทับทิมแสนอร่อยโดยตัวชี้วัดการเป็นมะเร็งในเลือด(PSA)มีค่าลดน้อยลงถึงครึ่งหนึ่งทีเดียวในระหว่างที่รับประทานทับทิม
     มีการศึกษาให้คนรับประทานน้ำทับทิมเป็นระยะเวลานานถึง3ปีในคนไข้ที่มีเส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอตีบตัน(carotid artery)
พบว่ามีผลดีต่อคนไข้คือทำให้เส้นเลือดลดความหนาในส่วนชั้นในของเส้นเลือดลง และความดันโลหิตลดลง ทั้งยังทำปัญหาจากไขมันที่เป็นปัญหา
ต่อเส้นโลหิตพวกLDLลดลงอีกด้วย โดยรายละเอียดของการวิจัยพบว่าเมื่อรับประทานน้ำทับทิมไปหนึ่งปีทำให้การตีบตันลดลงถึง30%
และทำให้สารPON1(paraoxonase1)เพิ่มขึ้นขึ้น83%(ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆในการป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวจากคอเลสเตอรอล)
ทำให้ไขมันเจ้าปัญหาLDLหมดฤทธิ์ในการทำลายเส้นเลือดโดยจากการชี้วัดด้วยวิธีทางห้องทดลองพบว่าได้ผลทำให้ลดไปได้มากกว่าครึ่งเลยทีเดียว
เมื่อวัดโดยรวมแล้วร่างกายมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง130%เมื่อรับประทานน้ำทับทิมไปเป็นเวลาเพียง1ปี
ความดันโลหิตตัวบนลดลงไปถึง12%ซึ่งนับว่ามีผลดีมาก แต่ได้ผลดีในการลดปัญหาการตีบตันของเส้นเลือดแดงที่คอจะให้ผลสููงสุดเมื่อรับประทานไป
จนครบ1ปีคือสรุปว่าลดปัญหาเส้นเลือดแดงที่คอตีบตันลงไปได้30%ไม่มากไปกว่านั้น แต่การรับประทานน้ำทับทิมเป็นเวลานานมีผลดีในการลดปัญหา
จากไขมันที่ทำให้เส้นเลือดแข็งนั้น เมื่อทานต่อไปจนครบ3ปีจะลดเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นกว่าเมื่อสิ้นปีที่1ไปได้อีกถึง16%(แสดงว่ายิ่งทานนานๆยิ่งดี)
แบบนี้ต้องกินกันตลอดชีวิตซะแล้วมั้ง
       นักวิจัยได้นำเซลล์มะเร็งเต้านมมาเพาะเลี้ยงและใส่สารสกัดน้ำทับทิมลงไปเพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งจะตอบสนองอย่างไร พบว่าเซลล์มะเร็งแตกตายไป
ในจำนวนที่มีเห็นชัดว่าน้ำทับทิมได้ผลในการทำลายมะเร็ง
นักวิจัยเชื่อว่าผลนี้เกิดจากความเป็นพิษต่อมะเร็งและกลไกการต้านการเจริญเติบโตของมะเร็ง รวมทั้งกลไกอื่นๆอีกหลายอย่าง
นักวิจัยได้เอาเซลล์มะเร็งของปอด ต่อมลูกหมาก และลำไส้มาทดลองในทำนองเดียวกันก็พบผลดีของน้ำทับทิมคล้ายๆกับที่ทดลองในมะเร็งน้ำนม
        หากไม่กล่าวถึงว่าน้ำทับทิมดีต่อหัวใจอย่างไรก็ดูจะเหมือนเป็นการบกพร่องในการนำเสนอ เพราะผลดีด้านนี้เป็นที่รู้ได้รับทราบกันมานาน
ในการวิจัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดแข็ง โรคความดันโลหิตสูง เพื่อศึกษาว่าทับทิมมีผลดีต่อหัวใจโดยกลไกใด
พบว่าน้ำทับทิมช่วยลดความดันโลหิตอย่างที่กล่าวมาแล้ว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เฉพาะเจาะจงทีเดียวสำหรับป้องกันหลอดเลือดจากไขมันเจ้าปัญหา
และวิฤทธิ์กดเอ็นไซม์ACEที่เป็นตัวปัญหาทำให้ความดันโลหิตสูงและด้วยฤทธิ์นี้จึงหมายถึงว่ามันมีความสามรถในการปกป้องหัวใจและไต
(ซึ่งคล้ายๆยารักษาความดันที่คนไข้กินรักษาโรคหัวใจและความดันตัวหนึ่ง) แต่หากเป็นโรความดันโลหิตสูงแล้วก็กินยาสม่ำเสมอและหมั่นตรวจเช็คเป็น
ระยะนะครับ อาจกินผลทับทิมหรือน้ำทับทิมไว้เป็นตัวช่วยในระยะยาวจะดีกว่า
         เนื่องจากตำรับแพทย์แผนจีนระบุสรรพคุณว่าทับทิมมีฤทธิ์สมานแผล ฆ่าพยาธิ ห้ามเลือด รักษาลำไส้
จึงมีวิจัยหนึ่งที่เอาเปลือกทับทิมมาทำสกัดเป็นเจลทาสมานแผลเพื่อหวังรักษาแผลคนไข้เบาหวาน โดยการวิจัยในหนูทดลองที่ถูกทำให้เป็นเบาหวาน
และทำให้มีบาดแผลชนิดที่รักษายากที่มักเรียกกันว่าแผลเบาหวานซึ่งปกติมันจะเกิดที่บริเวณเท้าของคนไข้เบาหวานที่มีอาการมากๆ
ผลการทดลองพบว่าในกลุ่มที่ทาเจลสมานแผลที่สกัดจากเปลือกทับทิมนั้นแผลหายเร็วกว่าอย่างชัดเจน จากการเอาเนื้อเยื่อไปตรวจดูว่าภายในเนื้อเยื่อ
เกิดกระบวนการอย่างไรที่ทำให้แผลหายเร็วได้ พบว่าเจลสกัดจากทับทิมมีผลสร้างเซลล์ไฟโบรบลาสที่เป็นต้นกำเนิดของการเกิดคอลลาเจนและ
มีการสร้างเส้นเลือดใหม่มาสมานแผลได้ดี  นับเป็นประโยชน์แบบใช้กินและใช้ทาเลยทีเดียวคับ
      ส่วนผลในการฆ่าพยาธินั้น ในตำรับแพทย์อายุเวชและแพทย์แผนจีนและไทยได้มีการนำมาทับทับมาใช้รักษาโรคท้องร่วง ลำไส้อักเสบมาช้านานแล้ว
โดยสรรพคุณในด้านฤทธิ์ฆ่าพยาธินี้จะมีมากในส่วนของเปลือกทับทิม
     ขอรับประทานทับทิมให้อร่อยๆและมีประโยชน์อีกรายการนะครับ
     
        มีการวิจัยมากมายเกี่ยวกับผลดีที่กล่าวมา แต่จากตำรับยาโบราณก็มีการพูดถึงว่าเม็ดทับทิมมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิ เลยได้มีการววิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
พบว่านอกจากจะมีฤทธิ์ต่อพยาธิในลำไส้แล้ว ยังมีฤทธิ์ต้านพยาธิในร่างกายรวมทั้งเชื้อมาเลเรียด้วย
     
ref:
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20155621
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15158307
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11052704
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16379557
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23060097
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12224378
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18202771
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21457902
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK92772/
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/14739618
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10799367
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21910371
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18237460
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15383219
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18167490
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15084132
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23652054
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22580265
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23169160
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22820239
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3657449/
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3694604/
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2989797/
http://en.wikipedia.org/wiki/Pomegranate_ellagitannin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น